ชูวิทย์ แ ฉสาเหตุ ผู้กำกับโจ้ ถูกปล่อยคลิป
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย
ได้โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัว ต้องบร รลัยกันไปข้างหนึ่ง” เพื่อแสดงความคิดเห็น กรณี พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมกับตำรวจรวม 7 นาย ก่อเหตุทรมา นผู้ต้องหาในคดีค้าย าเส พติดจนเสี ยชีวิ ต โดยระบุว่า
ข่าวจับผู้กำกับฯโจ้ มือคลุมถุงบนโรงพักนครสวรรค์ดังทั่วประเทศ
หมดสภาพตำรวจมือปราบ เคยจับโจรใส่กุญแจ มือ ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้ต้องหาคดีหนัก ถูกใส่กุญแจ มือนำมาแถลงข่าวเสียเอง
ตอนแรกข่าวว่ารี ดทรัพย์เอาเงิ นเพิ่มจาก 1 ล้าน เป็น 2 ล้าน ที่ผู้ต้องหาค้าย ายอมรับจ่ายค่าตั๋ว “รอดคุ ก”
ตอนนี้กลายเป็นรีดข้อมูลย าทำเพื่อประชาชนไปเสียแล้ว ส่วนเมียของผู้ต้องหาที่ปล่อยไป ไม่พูดถึงว่าปล่อยไปได้ไงเมื่อถูกจับพร้อมกัน
เรื่องนี้มีเงื่อนงำว่าอดีตผู้กำกับฯ มือปราบย าเส พติดจะทำดี แต่วิธีผิด หรือจะเอาเงินดำมาแบ่งใช้?
นานๆ ไปหากค ดียังอยู่โรงพักนครสวรรค์ ตอนจบอาจพลิกจากหนักเป็นเบา เสี่ยโจ้เขาแบ็คเบาที่ไหน
ที่แน่ๆ เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น และสังคมจะไม่ได้รู้ความจริง หากผู้กำกับฯโจ้ ในฐานะผู้นำหน่วยโรงพักพื้นที่ทอ งคำอย่างเมืองนครสวรรค์ดูแลจัดสรรผลประโยชน์ภายในโรงพักลงตัว
คลิปนี้จะไม่ทีทางหลุดออกมาสู่สาธารณะโดยเด็ดขาด หากทุกคนในโรงพักแฮปปี้ จะไปหาเรื่องทุบหม้อข้าวตัวเองทำไม?
เพราะขนาดตัวอดีตผู้กำกับฯโจ้ ที่แปรสภาพมาเป็นผู้ต้องหา ถึงกับเอ่ยวลีว่า “อโหสิกรรม” คนปล่อยคลิปนี้
จากประสบการณ์ผม อย่างนี้แสดงว่าทนไม่ไหวแล้ว
การจัดสรรผลประโยชน์ภายในโรงพัก หรือหน่วยงานเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้นำหน่วย ที่จะต้องแบ่งสรรปันส่วนให้ได้ลงตัวไม่ขาดตกบกพร่อง หรืออย่างน้อย “ที่เคยได้ไม่ลดลง”
จะอ้างว่าตัวเองใหญ่ ผู้ใหญ่ส่งมาแล้วเปลี่ยนระบบใหม่ เคลียร์ตั๋วใหม่ให้เอามาไว้ที่ตัวเองคนเดียว แล้วจัดสรรลดลงได้ไง
รายได้ที่เคยได้ ไม่ได้แล้ว หดหายไปเข้ากระเป๋าผู้กำกับฯ คนเดียว
ยิ่งช่วงนี้บ่อนก็ปิด โ ควิ ดก็มา ผั บบาร์ไม่เปิด จะเอาที่ไหนย าไส้ ยังมาลดตั๋วลงอีก
แบบนี้ไม่รู้เสียแล้ว อย่าพลาดแล้วกัน และอดีตผู้กำกับฯโจ้ ตำรวจหนุ่มอนาคตไกลก็พลาดหนักจนได้
มันไม่ใช่เรื่องของการทนเห็นไม่ได้ของตำรวจชั้นผู้น้อย หรือกลัวถูกฆ่ าหรอกครับ
ไม่ได้เกี่ยวกับ “คุณธรร ม” มันเป็นเรื่องของ “คุณเงิน” มากกว่า
เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัวก็ต้องบรรลัยกันไปข้างหนึ่ง
เรื่องนี้สะท้อนถึงระบบผลประโยชน์ที่ขัดแย้ง ภาพลักษณ์องค์กรตำรวจจึงถูกประจานออกมาให้เห็นตะลึงกันทั้งประเทศ
ผู้ใหญ่ในวงการตำรวจย่อมรู้ดี
เรียกว่า หากงานนี้เกลี่ยลงตัวทุกคน ผู้กำกับฯโจ้ ยังสามารถเจริญรอยตามรุ่นพี่ได้สบายๆ รุ่งเรืองเป็นเบอร์หนึ่งของรุ่นต่อไป
จึงเป็นประสบการณ์ให้ตำรวจทุกคนเห็นว่า “อย่าทำอย่างโจ้” ไม่ใช่เรื่องเอาถุงคลุมหัวรีดผู้ต้องหา
แต่ต้อง “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ เกลี่ยรายได้ให้ลงตัวให้ได้ “
หากอยู่โรงพักเกรดทอ งไม่เป็น ผลลัพธ์จะเป็นแบบโจ้ ที่เล่นกันถึงขนาดเข้าคุ กตลอดชีวิ ต